วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559

Fic KAIHUN นายอัศวินกับคุณหลวงอัษฎา ; ตอนที่ ๒ คุณหลวงผู้มีเมตตากรุณาธิคุณ



ตอนที่ ๒ คุณหลวงผู้มีเมตตากรุณาธิคุณ


แฮชแท็ก ; #คฮคุณหลวงอัษฎา

คำเตือน X
ฟิคเรื่องนี้มีเนื้อหาอิงตามประวัติศาสตร์ไทยยุคสมัยในตอนปลายของรัชกาลที่ ๕ ถึง
รัชกาลที่ ๖ บางส่วนมีการปรับแก้เสริมแต่งขึ้นตามใจผู้เขียน
กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่านนะก๊ะ ; )
คำเตือน X


        คุณหลวงกำลังยิ้มแก้มปริ
มันเป็นรอยยิ้มที่ชวนให้อัศวินหลงใหลถึงจะทำให้รู้สึกกระดากอายขึ้นมานิดหน่อย ชุดนักเรียนโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบของคุณหลวงที่สวมใส่อยู่นั้นจากที่พอดีร่างอยู่แล้วเริ่มคับขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ไม่น่าเชื่อว่าอัศวินจะใส่ชุดของคุณหลวงอัษฎาเมื่อ ๘ ปีก่อนได้พอดิบพอดี แม้อัศวินจะคิดว่าเสื้อมันรัดมากไปหน่อยก็ตามแต่คุณหลวงกลับบอกว่าแบบนี้นี่แหละกำลังตามสมัยนิยม คุณหลวงนั่งไขว่ห้างเท้าคางอยู่บนเก้าอี้โซฟาตัวเขื่อง สายตาจับจ้องไปที่อัศวินซึ่งอยู่ในชุดนักเรียนพระตำหนักของตน เสื้อแขนยาวสีขาวกลัดกระดุมเงินกับกางเกงขาสั้นยาวครึ่งเข่าสีกรมท่าทำให้อัศวินดูเท่ไม่หยอก แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้สึกเช่นนั้นเลยสักนิด

คุณหลวง….”

อัศวินครางเมื่อเห็นว่าอัษฎาไม่สามารถถอดถอนสายตาออกไปจากร่างของตนได้

ไม่อยากใส่ชุดของเราหรืออัศวิน?
ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับ เพียงแต่..”

        ชายหนุ่มก้มหน้า

แต่อะไร บอกเรา
คือ…” กระผมเกรงใจเหลือเกินขอรับคุณหลวง
ถ้าพ่อวินไม่พูดเราจะถือเสียว่าพ่อวินยอมรับความหวังดีจากเรา

        เอาอย่างนั้นก็ได้ขอรับ

        คุณหลวงพาอัศวินไปฝากเนื้อฝากตัวกับท่านอาจารย์ที่เคยร่ำเรียนมาเมื่อสมัย ๘ ปีก่อนที่โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบฝ่ายอังกฤษซึ่งปัจจุบันย้ายมาใช้ตึกแม้นนฤมิตร์ของโรงเรียนเทพศิรินทร์เป็นการชั่วคราวเพื่อรอการก่อสร้างอาคารเรียนใหม่ของโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ อาจารย์บางท่านที่คุณหลวงเคยร่ำเรียนด้วยก็เกษียณอายุไปแล้ว แต่บางท่านก็ยังคงอยู่ อัศวินเพิ่งจะทราบข่าวจากอาจารย์ท่านหนึ่งว่าเรื่องเข้าเรียนกลางคันนี้คุณหลวงได้จัดการล่วงหน้าไว้ให้ก่อนแล้ว อัศวินจึ่งดูเหมือนเป็นเด็กเส้นใหญ่มหึมาที่มีคุณหลวงอัษฎาคอยหนุนหลัง แต่ใครจะไปกล้าหืออือกับคุณหลวงนั้นก็คงจะหามีไม่

        อัศวินจะได้เข้าเรียนกับนักเรียนคนอื่นๆตามปกติในอีก ๓ สัปดาห์ข้างหน้าเป็นเพราะอัศวินต้องได้รับการปรับพื้นฐานเสียก่อนซึ่งหน้าที่นั้นคุณหลวงก็ได้เสนอตัวเป็นผู้ให้วิชาแก่อัศวินด้วยตัวของท่านเอง หัวสมองที่เคยผ่านตำราเรียนเร็วมาเพียง ๓ เล่มเริ่มละม้ายคล้ายถูกทุบ หลายวันผ่านไปที่ต้องมาร่ำเรียนกับคุณหลวงอัษฎาพาให้อัศวินทั้งท้อและเหนื่อย แต่เพียงแค่คุณหลวงเอ่ยว่าอยากให้มาอยู่เคียงข้างกัน ช่วยเหลือกัน ประกายไฟแห่งความพากเพียรก็จุดติดอย่างง่ายดาย

คุณหลวงคือผู้มีอิทธิพลต่อดวงใจของอัศวินอย่างแท้จริง




๑ ปีต่อมา




        การสำเร็จการศึกษาจากพระตำหนักสวนกุหลาบไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปเมื่ออัศวินมีคุณครูส่วนตัวเป็นถึงคุณหลวงอัษฎาผู้มีเมตตาจิตซึ่งคอยช่วยเหลือ ดูแลอัศวินอย่างใกล้ชิดและส่งเสียให้เรียนจนจบ อัศวินจึงเลื่อนตำแหน่งจากชาวบ้านตัวดำขายถ่านธรรมดาเป็นคนสนิทของคุณหลวงในระยะเวลาเพียง ๑ ปี

พ่อวิน วันนี้สูทสีอะไรดี

        คุณหลวงหันมาถามในขณะที่ยืนอยู่หน้ากระจก

สีบัวโรยที่เพิ่งรับมาจากห้องเสื้อคุณโสภาเมื่อสัปดาห์ก่อนไหมขอรับคุณอัษ กระผมจำได้ว่าคุณหนูวิภาดาจากตระกูลปัทมาหล่อนไม่ชอบสีฉูดฉาด

        คุณหลวงยืนนิ่งใช้ความคิดก่อนจะเอ่ยออกมาว่า

อย่างนั้นเราจะใส่สีหงสบาท
อะไรนะขอรับคุณหลวง?
สีหงสบาท ไปนำมาสิ เราชอบ
แต่สีหงสบาทนี้มันไม่…”
ไปนำสีหงสบาทมาอัศวินอัษฎาย้ำ
คุณหลวง…”

        อัศวินคราง เขาเพิ่งจะบอกไปเมื่อครู่ว่าคุณหนูวิภาดาหล่อนไม่ชอบสีฉูดฉาดแต่คุณอัษฎากลับดึงดันจะใส่สูทสีหงสบาทให้ได้ นี่คุณหลวงของเขาเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร?

        แต่แน่ล่ะ ใครกันจะไปขัดใจคุณอัษฎาได้ กับคุณหลวงต่อให้ชี้ไม้เป็นนก ชี้นกเป็นไม้อัศวินก็ยอมรับได้แต่โดยดี

เป็นอย่างไร เหมาะกับเราหรือไม่พ่อวิน?

คุณหลวงกระชับเสื้อสูทแล้วหันมาทางผู้ช่วยคนสนิท

มะ...เหมาะมากขอรับ
แต่สีหน้าพ่อวินแลไม่เห็นจะเป็นเช่นนั้น
ไม่เลยขอรับคุณหลวง ทูนหัวของกระหม่อมจะสวมใส่สิ่งใดก็ดูดีขอรับ

คุณหลวงอัษฎายิ้มให้กับวาจามธุรสนั้นคำชมเล็กน้อยจากอัศวินสามารถทำให้จิตใจกระชุ่มกระชวยอย่างบอกไม่ถูก

เราพร้อมแล้ว ออกเดินทางกันเลย

รอยยิ้มที่ฉาบริมฝีปากอิ่มของคุณหลวงอัษฎายังคงมีอิทธิพลต่อหัวใจอัศวินอย่างไม่เปลี่ยนแปลง ขอเพียงได้ชื่นชมดวงหน้าหวานทุกๆวันเช่นนี้ ต่อให้เกิดเหตุอาเพศอันใดเขาก็ไม่กลัว

ขอรับคุณหลวง



       
...





        สิ่งนี้ไม่ได้เรียกว่าการคลุมถุงชน แต่สิ่งนี้เรียกว่าการดูตัว
        คุณหลวงอัษฎาแต่งองค์ทรงเครื่องสีแสบสันเพื่อนัดดูตัวกับหญิงสาวรายหนึ่งที่หม่อมอ้อมจัดหาให้เพื่อเป็นการทำตามคำสั่งเสียสุดท้ายของท่านปู่อิน แม้นเวลาจะผ่านมาบรรจบครบถึง ๑ ปีเต็มของการจากไปของท่านปู่ แต่คุณหลวงก็ยังหามีคู่ครองไม่ การนัดดูตัวนับสิบๆครั้งตลอดปีที่ผ่านมาไม่มีหญิงสาวรายใดแม้เพียงรายเดียวที่สามารถมัดใจคุณหลวงได้

        และอีกครั้งที่คุณหลวงมีนัดดูตัวกับหญิงสาวรายหนึ่ง ร้านอาหารที่หม่อมอ้อมบรรจงสรรหามาให้รสชาติและบรรยากาศดีสมคำร่ำลือแต่ที่ขาดไม่ได้คือ คุณหนูวิภาดาคนงามจากตระกูลปัทมา หล่อนสวยสะพรั่งตามแบบฉบับของหญิงสาววัยแรกแย้ม ดวงตากลมโตชวนมอง ผิวนวลผ่องเนียนละเอียด กิริยามารยาทเรียบร้อย แต่เสียดายที่หล่อนพูดไม่เก่งสักเท่าไหร่ สุรเสียงของหล่อนก็ออกจะไพเราะเสนาะหูหากชายใดได้ฟังคงจะตกหลุมรักหล่อนได้อย่างไม่ยาก

แต่คงมิใช่กับคุณหลวงอัษฎา

ตลอดมื้ออาหารมีเพียงการสนทนา ตอบโต้เล็กๆน้อยๆเท่านั้น เพราะสาวเจ้าเอาแต่นั่งเงียบจ้องใบหน้าอัษฎาราวกับถูกสาป ไม่รู้ว่าตะลึงในความงาม(ของสูทสีหงสบาท)หรือว่าความองอาจของคุณหลวงหรืออย่างไร

        สรุปว่าแผนใส่สูทสีฉูดฉาดของคุณหลวงเป็นอันสัมฤทธิ์ผล

.
.
.



เป็นอย่างไรขอรับคุณหลวง

อัศวินเอ่ยปากถามขณะขับรถพาคุณหลวงกลับตำหนัก

อย่างที่พ่อวินเห็นนั่นแลคอเราแห้งแทบเป็นผุยผง แม่สาวน้อยรายนี้หากเราไม่ชวนคุย หล่อนคงมิปริปากพูดสักนิด กลัวดอกพิกุลจะร่วงหรืออย่างไร หากวิวาห์กับเราตำหนักคงเงียบเป็นเป่าสาก

        อัศวินยิ้มขำ คุณหลวงของเขานับวันวาจายิ่งเชือดเฉือนนัก สมแล้วที่มีดีกรีเป็นถึงบรรณาธิการหนังสือฝรั่ง อัศวินไม่ได้ซักถามสิ่งใดต่อปล่อยให้คุณหลวงพักผ่อนทอดสายตามองออกไปยังริมสองฟากฝั่งของถนนเจริญกรุง

สิบกว่าปีที่อัษฎาย้ายมาพำนักที่กรุงเทพฯ คุณหลวงเห็นความเปลี่ยนแปลงต่างๆมากมายที่เกิดในรัชสมัยของรัชกาลที่ ๕ ทั้งการสร้างถนน การตั้งโรงเรียนสำหรับราษฎร การยกเลิกบ่าวไพร่ และอิทธิพลจากอารยธรรมตะวันตกที่เข้ามาพร้อมกับมิชชันนารี บ้านเมืองจึงเจริญขึ้นตามลำดับ ก่อนหน้านี้การเมืองระหว่างสยามและฝรั่งเศสที่เคยตึงเครียดบัดนี้เริ่มผ่อนคลายลง เป็นเพราะล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ ทรงมีสัมพันธภาพส่วนพระองค์ที่ดีกับประมุขของประเทศมหาอำนาจอย่างเยอรมนี สหภาพโซเวียตทำให้สยามรอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของประเทศมหาอำนาจอื่นๆ แม้เหตุการณ์บ้านเมืองจะไม่สงบนิ่งดีนัก แต่ชาวสยามก็มิได้อัตคัดขัดสนสิ่งใด

พ่อวิน เราประสงค์จะไปที่เรือนของพ่อวิน พ่อลำบากใจหรือไม่

        คุณหลวงเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ

แต่เรือนของกระหม่อมกระจิริดเยี่ยงรูหนู คุณหลวงมีเหตุอันใดหรือขอรับ?
เราเพียงแต่อยากเข้าไปทำความเคารพบิดามารดาของพ่อวินเท่านั้น เราพรากบุตรท่านมาเสียนมนาน ท่านอาจมองเราว่าเป็นเจ้านายไร้มนุษยธรรม
ไร้มนุษยธรรม?
ก็เป็นเจ้านายที่ไร้ความห่วงใย สักแต่ใช้งานพ่อวินอย่างไรล่ะ
โธ่ คุณหลวง แค่เพียงส่งกระหม่อมเรียนจนจบ เท่านี้บุญคุณของคุณหลวงที่มีก็เป็นล้นพ้นแล้วขอรับ บิดามารดาของกระหม่อมซาบซึ้งในความเมตตาของคุณหลวงมากแล้ว
อัศวินไม่อยากให้เราไปอย่างนั้นหรือ?
ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับคุณหลวง
ถ้าเช่นนั้นก็ขับไป นี่รถของเรา อัศวินก็เป็น (ผู้ช่วยคนสนิท) ของเรา ทำตามที่เราบอกเถิด

        ในเมื่อคุณหลวงพูดเสียขนาดนี้แล้วอัศวินจะทำเช่นไรได้เล่านอกจาก

ขอรับคุณหลวง









        การเยี่ยมเยียนบ้านเรือนราษฎรเคยเป็นกิจของผู้ดูแลหรือผู้ปกครองนครต่างๆ แม้คุณหลวงอัษฎาจะละทิ้งยศถาบรรดาศักดิ์นั้นไปเป็นบรรณาธิการแต่ท่านก็ยังคงทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง คุณหลวงเข้าไปถามไถ่ถึงความเป็นไปของครอบครัวอัศวิน พูดคุยกันตามประสาคนธรรมดาสามัญทั่วไป คุณหลวงไม่เคยถือตัวกับใครๆเลย ถึงแม้บางครั้งอาจจะใช้อำนาจและเอาแต่ใจกับอัศวินไปบ้าง(?)ก็ตาม

ก่อนกลับตำหนักคุณหลวงยังมอบสินน้ำใจแทนคำขอบคุณให้แก่บิดามารดาของอัศวินเพื่อเป็นค่าตอบแทนที่ยอมส่งบุตรชายไปเป็นผู้ช่วยส่วนตัวซึ่งต้องตัวติดกับอัษฎาเยี่ยงเงาจนไม่มีเวลาได้กลับมาเยี่ยมเยียนครอบครัว ทีแรกทางนั้นเหมือนจะไม่รับแต่คุณหลวงยืนกรานจะมอบให้ได้ และก็เป็นอีกครั้งที่ไม่มีใครสามารถต้านทานความต้องการของคุณหลวงอัษฎา

ขอบพระคุณขอรับคุณหลวงที่มีเมตตาต่อกระหม่อมถึงเพียงนี้
ตั้งใจทำหน้าที่ของตนไปเถิดอัศวิน พ่อวินเป็นคนดี เราเชื่อว่าเราดูคนไม่ผิด ขอบใจที่คอยช่วยเหลือเราตลอดมาเช่นกัน

และขอให้อยู่เคียงข้างเราเช่นนี้ตลอดไป

ขอรับคุณหลวง







*สีหงสบาท = สีม่วง*