วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559

Fic KAIHUN นายอัศวินกับคุณหลวงอัษฎา ; ตอนที่ ๒ คุณหลวงผู้มีเมตตากรุณาธิคุณ



ตอนที่ ๒ คุณหลวงผู้มีเมตตากรุณาธิคุณ


แฮชแท็ก ; #คฮคุณหลวงอัษฎา

คำเตือน X
ฟิคเรื่องนี้มีเนื้อหาอิงตามประวัติศาสตร์ไทยยุคสมัยในตอนปลายของรัชกาลที่ ๕ ถึง
รัชกาลที่ ๖ บางส่วนมีการปรับแก้เสริมแต่งขึ้นตามใจผู้เขียน
กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่านนะก๊ะ ; )
คำเตือน X


        คุณหลวงกำลังยิ้มแก้มปริ
มันเป็นรอยยิ้มที่ชวนให้อัศวินหลงใหลถึงจะทำให้รู้สึกกระดากอายขึ้นมานิดหน่อย ชุดนักเรียนโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบของคุณหลวงที่สวมใส่อยู่นั้นจากที่พอดีร่างอยู่แล้วเริ่มคับขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ไม่น่าเชื่อว่าอัศวินจะใส่ชุดของคุณหลวงอัษฎาเมื่อ ๘ ปีก่อนได้พอดิบพอดี แม้อัศวินจะคิดว่าเสื้อมันรัดมากไปหน่อยก็ตามแต่คุณหลวงกลับบอกว่าแบบนี้นี่แหละกำลังตามสมัยนิยม คุณหลวงนั่งไขว่ห้างเท้าคางอยู่บนเก้าอี้โซฟาตัวเขื่อง สายตาจับจ้องไปที่อัศวินซึ่งอยู่ในชุดนักเรียนพระตำหนักของตน เสื้อแขนยาวสีขาวกลัดกระดุมเงินกับกางเกงขาสั้นยาวครึ่งเข่าสีกรมท่าทำให้อัศวินดูเท่ไม่หยอก แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้สึกเช่นนั้นเลยสักนิด

คุณหลวง….”

อัศวินครางเมื่อเห็นว่าอัษฎาไม่สามารถถอดถอนสายตาออกไปจากร่างของตนได้

ไม่อยากใส่ชุดของเราหรืออัศวิน?
ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับ เพียงแต่..”

        ชายหนุ่มก้มหน้า

แต่อะไร บอกเรา
คือ…” กระผมเกรงใจเหลือเกินขอรับคุณหลวง
ถ้าพ่อวินไม่พูดเราจะถือเสียว่าพ่อวินยอมรับความหวังดีจากเรา

        เอาอย่างนั้นก็ได้ขอรับ

        คุณหลวงพาอัศวินไปฝากเนื้อฝากตัวกับท่านอาจารย์ที่เคยร่ำเรียนมาเมื่อสมัย ๘ ปีก่อนที่โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบฝ่ายอังกฤษซึ่งปัจจุบันย้ายมาใช้ตึกแม้นนฤมิตร์ของโรงเรียนเทพศิรินทร์เป็นการชั่วคราวเพื่อรอการก่อสร้างอาคารเรียนใหม่ของโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ อาจารย์บางท่านที่คุณหลวงเคยร่ำเรียนด้วยก็เกษียณอายุไปแล้ว แต่บางท่านก็ยังคงอยู่ อัศวินเพิ่งจะทราบข่าวจากอาจารย์ท่านหนึ่งว่าเรื่องเข้าเรียนกลางคันนี้คุณหลวงได้จัดการล่วงหน้าไว้ให้ก่อนแล้ว อัศวินจึ่งดูเหมือนเป็นเด็กเส้นใหญ่มหึมาที่มีคุณหลวงอัษฎาคอยหนุนหลัง แต่ใครจะไปกล้าหืออือกับคุณหลวงนั้นก็คงจะหามีไม่

        อัศวินจะได้เข้าเรียนกับนักเรียนคนอื่นๆตามปกติในอีก ๓ สัปดาห์ข้างหน้าเป็นเพราะอัศวินต้องได้รับการปรับพื้นฐานเสียก่อนซึ่งหน้าที่นั้นคุณหลวงก็ได้เสนอตัวเป็นผู้ให้วิชาแก่อัศวินด้วยตัวของท่านเอง หัวสมองที่เคยผ่านตำราเรียนเร็วมาเพียง ๓ เล่มเริ่มละม้ายคล้ายถูกทุบ หลายวันผ่านไปที่ต้องมาร่ำเรียนกับคุณหลวงอัษฎาพาให้อัศวินทั้งท้อและเหนื่อย แต่เพียงแค่คุณหลวงเอ่ยว่าอยากให้มาอยู่เคียงข้างกัน ช่วยเหลือกัน ประกายไฟแห่งความพากเพียรก็จุดติดอย่างง่ายดาย

คุณหลวงคือผู้มีอิทธิพลต่อดวงใจของอัศวินอย่างแท้จริง




๑ ปีต่อมา




        การสำเร็จการศึกษาจากพระตำหนักสวนกุหลาบไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปเมื่ออัศวินมีคุณครูส่วนตัวเป็นถึงคุณหลวงอัษฎาผู้มีเมตตาจิตซึ่งคอยช่วยเหลือ ดูแลอัศวินอย่างใกล้ชิดและส่งเสียให้เรียนจนจบ อัศวินจึงเลื่อนตำแหน่งจากชาวบ้านตัวดำขายถ่านธรรมดาเป็นคนสนิทของคุณหลวงในระยะเวลาเพียง ๑ ปี

พ่อวิน วันนี้สูทสีอะไรดี

        คุณหลวงหันมาถามในขณะที่ยืนอยู่หน้ากระจก

สีบัวโรยที่เพิ่งรับมาจากห้องเสื้อคุณโสภาเมื่อสัปดาห์ก่อนไหมขอรับคุณอัษ กระผมจำได้ว่าคุณหนูวิภาดาจากตระกูลปัทมาหล่อนไม่ชอบสีฉูดฉาด

        คุณหลวงยืนนิ่งใช้ความคิดก่อนจะเอ่ยออกมาว่า

อย่างนั้นเราจะใส่สีหงสบาท
อะไรนะขอรับคุณหลวง?
สีหงสบาท ไปนำมาสิ เราชอบ
แต่สีหงสบาทนี้มันไม่…”
ไปนำสีหงสบาทมาอัศวินอัษฎาย้ำ
คุณหลวง…”

        อัศวินคราง เขาเพิ่งจะบอกไปเมื่อครู่ว่าคุณหนูวิภาดาหล่อนไม่ชอบสีฉูดฉาดแต่คุณอัษฎากลับดึงดันจะใส่สูทสีหงสบาทให้ได้ นี่คุณหลวงของเขาเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร?

        แต่แน่ล่ะ ใครกันจะไปขัดใจคุณอัษฎาได้ กับคุณหลวงต่อให้ชี้ไม้เป็นนก ชี้นกเป็นไม้อัศวินก็ยอมรับได้แต่โดยดี

เป็นอย่างไร เหมาะกับเราหรือไม่พ่อวิน?

คุณหลวงกระชับเสื้อสูทแล้วหันมาทางผู้ช่วยคนสนิท

มะ...เหมาะมากขอรับ
แต่สีหน้าพ่อวินแลไม่เห็นจะเป็นเช่นนั้น
ไม่เลยขอรับคุณหลวง ทูนหัวของกระหม่อมจะสวมใส่สิ่งใดก็ดูดีขอรับ

คุณหลวงอัษฎายิ้มให้กับวาจามธุรสนั้นคำชมเล็กน้อยจากอัศวินสามารถทำให้จิตใจกระชุ่มกระชวยอย่างบอกไม่ถูก

เราพร้อมแล้ว ออกเดินทางกันเลย

รอยยิ้มที่ฉาบริมฝีปากอิ่มของคุณหลวงอัษฎายังคงมีอิทธิพลต่อหัวใจอัศวินอย่างไม่เปลี่ยนแปลง ขอเพียงได้ชื่นชมดวงหน้าหวานทุกๆวันเช่นนี้ ต่อให้เกิดเหตุอาเพศอันใดเขาก็ไม่กลัว

ขอรับคุณหลวง



       
...





        สิ่งนี้ไม่ได้เรียกว่าการคลุมถุงชน แต่สิ่งนี้เรียกว่าการดูตัว
        คุณหลวงอัษฎาแต่งองค์ทรงเครื่องสีแสบสันเพื่อนัดดูตัวกับหญิงสาวรายหนึ่งที่หม่อมอ้อมจัดหาให้เพื่อเป็นการทำตามคำสั่งเสียสุดท้ายของท่านปู่อิน แม้นเวลาจะผ่านมาบรรจบครบถึง ๑ ปีเต็มของการจากไปของท่านปู่ แต่คุณหลวงก็ยังหามีคู่ครองไม่ การนัดดูตัวนับสิบๆครั้งตลอดปีที่ผ่านมาไม่มีหญิงสาวรายใดแม้เพียงรายเดียวที่สามารถมัดใจคุณหลวงได้

        และอีกครั้งที่คุณหลวงมีนัดดูตัวกับหญิงสาวรายหนึ่ง ร้านอาหารที่หม่อมอ้อมบรรจงสรรหามาให้รสชาติและบรรยากาศดีสมคำร่ำลือแต่ที่ขาดไม่ได้คือ คุณหนูวิภาดาคนงามจากตระกูลปัทมา หล่อนสวยสะพรั่งตามแบบฉบับของหญิงสาววัยแรกแย้ม ดวงตากลมโตชวนมอง ผิวนวลผ่องเนียนละเอียด กิริยามารยาทเรียบร้อย แต่เสียดายที่หล่อนพูดไม่เก่งสักเท่าไหร่ สุรเสียงของหล่อนก็ออกจะไพเราะเสนาะหูหากชายใดได้ฟังคงจะตกหลุมรักหล่อนได้อย่างไม่ยาก

แต่คงมิใช่กับคุณหลวงอัษฎา

ตลอดมื้ออาหารมีเพียงการสนทนา ตอบโต้เล็กๆน้อยๆเท่านั้น เพราะสาวเจ้าเอาแต่นั่งเงียบจ้องใบหน้าอัษฎาราวกับถูกสาป ไม่รู้ว่าตะลึงในความงาม(ของสูทสีหงสบาท)หรือว่าความองอาจของคุณหลวงหรืออย่างไร

        สรุปว่าแผนใส่สูทสีฉูดฉาดของคุณหลวงเป็นอันสัมฤทธิ์ผล

.
.
.



เป็นอย่างไรขอรับคุณหลวง

อัศวินเอ่ยปากถามขณะขับรถพาคุณหลวงกลับตำหนัก

อย่างที่พ่อวินเห็นนั่นแลคอเราแห้งแทบเป็นผุยผง แม่สาวน้อยรายนี้หากเราไม่ชวนคุย หล่อนคงมิปริปากพูดสักนิด กลัวดอกพิกุลจะร่วงหรืออย่างไร หากวิวาห์กับเราตำหนักคงเงียบเป็นเป่าสาก

        อัศวินยิ้มขำ คุณหลวงของเขานับวันวาจายิ่งเชือดเฉือนนัก สมแล้วที่มีดีกรีเป็นถึงบรรณาธิการหนังสือฝรั่ง อัศวินไม่ได้ซักถามสิ่งใดต่อปล่อยให้คุณหลวงพักผ่อนทอดสายตามองออกไปยังริมสองฟากฝั่งของถนนเจริญกรุง

สิบกว่าปีที่อัษฎาย้ายมาพำนักที่กรุงเทพฯ คุณหลวงเห็นความเปลี่ยนแปลงต่างๆมากมายที่เกิดในรัชสมัยของรัชกาลที่ ๕ ทั้งการสร้างถนน การตั้งโรงเรียนสำหรับราษฎร การยกเลิกบ่าวไพร่ และอิทธิพลจากอารยธรรมตะวันตกที่เข้ามาพร้อมกับมิชชันนารี บ้านเมืองจึงเจริญขึ้นตามลำดับ ก่อนหน้านี้การเมืองระหว่างสยามและฝรั่งเศสที่เคยตึงเครียดบัดนี้เริ่มผ่อนคลายลง เป็นเพราะล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ ทรงมีสัมพันธภาพส่วนพระองค์ที่ดีกับประมุขของประเทศมหาอำนาจอย่างเยอรมนี สหภาพโซเวียตทำให้สยามรอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของประเทศมหาอำนาจอื่นๆ แม้เหตุการณ์บ้านเมืองจะไม่สงบนิ่งดีนัก แต่ชาวสยามก็มิได้อัตคัดขัดสนสิ่งใด

พ่อวิน เราประสงค์จะไปที่เรือนของพ่อวิน พ่อลำบากใจหรือไม่

        คุณหลวงเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ

แต่เรือนของกระหม่อมกระจิริดเยี่ยงรูหนู คุณหลวงมีเหตุอันใดหรือขอรับ?
เราเพียงแต่อยากเข้าไปทำความเคารพบิดามารดาของพ่อวินเท่านั้น เราพรากบุตรท่านมาเสียนมนาน ท่านอาจมองเราว่าเป็นเจ้านายไร้มนุษยธรรม
ไร้มนุษยธรรม?
ก็เป็นเจ้านายที่ไร้ความห่วงใย สักแต่ใช้งานพ่อวินอย่างไรล่ะ
โธ่ คุณหลวง แค่เพียงส่งกระหม่อมเรียนจนจบ เท่านี้บุญคุณของคุณหลวงที่มีก็เป็นล้นพ้นแล้วขอรับ บิดามารดาของกระหม่อมซาบซึ้งในความเมตตาของคุณหลวงมากแล้ว
อัศวินไม่อยากให้เราไปอย่างนั้นหรือ?
ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับคุณหลวง
ถ้าเช่นนั้นก็ขับไป นี่รถของเรา อัศวินก็เป็น (ผู้ช่วยคนสนิท) ของเรา ทำตามที่เราบอกเถิด

        ในเมื่อคุณหลวงพูดเสียขนาดนี้แล้วอัศวินจะทำเช่นไรได้เล่านอกจาก

ขอรับคุณหลวง









        การเยี่ยมเยียนบ้านเรือนราษฎรเคยเป็นกิจของผู้ดูแลหรือผู้ปกครองนครต่างๆ แม้คุณหลวงอัษฎาจะละทิ้งยศถาบรรดาศักดิ์นั้นไปเป็นบรรณาธิการแต่ท่านก็ยังคงทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง คุณหลวงเข้าไปถามไถ่ถึงความเป็นไปของครอบครัวอัศวิน พูดคุยกันตามประสาคนธรรมดาสามัญทั่วไป คุณหลวงไม่เคยถือตัวกับใครๆเลย ถึงแม้บางครั้งอาจจะใช้อำนาจและเอาแต่ใจกับอัศวินไปบ้าง(?)ก็ตาม

ก่อนกลับตำหนักคุณหลวงยังมอบสินน้ำใจแทนคำขอบคุณให้แก่บิดามารดาของอัศวินเพื่อเป็นค่าตอบแทนที่ยอมส่งบุตรชายไปเป็นผู้ช่วยส่วนตัวซึ่งต้องตัวติดกับอัษฎาเยี่ยงเงาจนไม่มีเวลาได้กลับมาเยี่ยมเยียนครอบครัว ทีแรกทางนั้นเหมือนจะไม่รับแต่คุณหลวงยืนกรานจะมอบให้ได้ และก็เป็นอีกครั้งที่ไม่มีใครสามารถต้านทานความต้องการของคุณหลวงอัษฎา

ขอบพระคุณขอรับคุณหลวงที่มีเมตตาต่อกระหม่อมถึงเพียงนี้
ตั้งใจทำหน้าที่ของตนไปเถิดอัศวิน พ่อวินเป็นคนดี เราเชื่อว่าเราดูคนไม่ผิด ขอบใจที่คอยช่วยเหลือเราตลอดมาเช่นกัน

และขอให้อยู่เคียงข้างเราเช่นนี้ตลอดไป

ขอรับคุณหลวง







*สีหงสบาท = สีม่วง*

วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Fic KAIHUN นายอัศวินกับคุณหลวงอัษฎา ; ตอนที่ ๑ คุณหลวงอัษฎาพาท่องภูเขาทอง



ตอนที่ ๑
คุณหลวงอัษฎาพาท่องภูเขาทอง



แฮชแท็ก ; #คฮคุณหลวงอัษฎา

X คำเตือน X
ฟิคเรื่องนี้มีเนื้อหาอิงตามประวัติศาสตร์ไทยยุคสมัยในตอนปลายของรัชกาลที่ ๕ ถึง
รัชกาลที่ ๖ บางส่วนมีการปรับแก้เสริมแต่งขึ้นตามใจผู้เขียน
กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่านนะก๊ะ ; )
X คำเตือน X







        ปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ามีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น ทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายแต่อย่างไรบ้านเมืองก็ยังคงดูสงบสุขภายใต้ร่มพระบารมีของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ คุณหลวงอัษฎา ณ เชียงใหม่ ได้กลับมายังบางกอกหลังเดินทางไปเชียงใหม่เพื่อเคารพพระศพของท่านปู่หรือพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ ๗ เนื่องจากคุณหลวงอัษฎาหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า คุณหลวงอัษท่านเป็นคุณผู้ชายที่ดำรงเชื้อสายเจ้าจากเชียงใหม่ท่านสืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าอินทวิชยานนท์

คุณหลวงเป็นหลานชายคนสนิทของพระเจ้าอินทวิชยานนท์หรือชื่อเดิมคุณปู่อินทนนท์ การจากไปคราวนี้ของคุณปู่ทำให้คุณหลวงอัษฎาเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้คุณหลวงจะย้ายตามหม่อมอ้อม มารดาของคุณหลวงมาจากเชียงใหม่ไปพำนักอยู่ที่บางกอกทันทีตั้งแต่เรียนจบจากโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย แต่คุณหลวงก็ยังเขียนจดหมายติดต่อกับท่านปู่อินทนนท์อยู่เสมอ

        สมัยเด็กๆคุณปู่มักจะบอกกับนายน้อยอัษฎาเสมอว่า รู้อะไรก็ไม่เท่า รู้วิชา ให้อะไรก็ไม่เท่า ให้การศึกษา คุณหลวงจึ่งได้เข้ารับการศึกษาเต็มหลักสูตรอีกทั้งยังเป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนดีมาตั้งแต่สมัยที่ศึกษาอยู่ ณ โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัยจนกระทั่งมาศึกษาต่อที่โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบคุณหลวงก็ยังคงรักษาความเป็นนักเรียนดีเด่นได้ดีอย่างไม่มีที่ติ เพราะน้อยคนนักที่จะเรียนหนังสือซึ่งพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ได้รวบรวมไว้จนจบครบหมดทั้ง ๖ เล่มได้แก่ มูลบทบรรพกิจ วาหนิตนิกร อักษรพิโยค สังโยคพิธาน ไวพจน์พิจารณ์ และพิศาลการันต์

 ถึงครานี้ แม้คุณปู่จะจากไปแล้วแต่คุณปู่ก็ยังทิ้งสมบัติล้ำค่าไว้ให้คุณหลวงอัษฎาเป็นของขวัญชิ้นสุดท้าย นั่นก็คือ หนังสือ The Sleeper and the Waker ฉบับภาษาอังกฤษที่คุณหลวงปรารถนานั่นเอง

คุณหลวงเปิดหน้าหนังสือหน้าแรกก็พบว่ามีจดหมายน้อยจากท่านปู่ฝากมาถึง


พ่ออัษหลานรัก
หากหลานได้อ่านจดหมายน้อยฉบับนี้ ขอให้หลานรู้ไว้ว่า
วาสนาปู่คงไม่พออยู่ทันเห็นหลานเป็นฝั่งเป็นฝาเสียแล้ว
แต่ช่างปะไร ปู่ขอมอบหนังสือเล่มนี้ไว้เป็นของขวัญและเป็นตัวแทนของปู่ก็แล้วกัน
ปู่มั่นใจว่าพ่ออัษต้องยินดีจนน้ำตาออกเป็นแน่
ปู่ภูมิใจที่มีหลานอย่างพ่ออัษ
ถึงปู่จะจากไปแล้วก็ขอให้พ่ออัษมีนิสัยรักการอ่านเช่นนี้เสมอ
นี่เป็นคำสอนสุดท้ายจากปู่ ขอให้หลานจำให้ขึ้นใจ
ถึงวงศ์ของเราจะเป็นเจ้านาย เป็นคนใหญ่โต จงอย่าถือดี อย่าหัวสูง
ปู่อยากให้พ่ออัษไปพบปะสมาคมกับผู้หญิงเสียบ้าง อายุอานามก็มิใช่น้อยๆ
๒๘ แล้วนะพ่ออัษ หากเทียบกับปู่ ๒๘ นี้ปู่มีเมียแล้ว ๔ ราย
นี่แหละที่ปู่จะสอน หาเมียได้แล้วพ่ออัษ

                                                        ด้วยรัก ท่านปู่อินของหลาน
 

        คุณหลวงหัวเราะทั้งน้ำตาตอนอ่านจดหมายน้อยจากท่านปู่จบ ท่านปู่อินทนนท์ยังคงอารมณ์ขันเหมือนเคย คุณหลวงอัษฎายิ้มให้กับข้อความที่เขียนด้วยปากกาคอแร้งจุ่มน้ำหมึกยี่ห้อเกฮาร์ ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มเป็นหยดสุดท้ายก่อนจะตอบรับในใจถึงคำสั่งเสียที่ท่านปู่ทิ้งไว้

ได้ครับ ท่านปู่ ศกนี้อัษฎาจะหาเมียดีๆสักคน(พอ) ๔ คนเหมือนท่านปู่เห็นทีคงไม่ไหว

ด้วยความที่คุณหลวงอัษฎามีเชื้อสายเป็นคนเชียงใหม่จึงทำให้มีผิวพรรณที่ขาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง แม้ร่างกายเป็นชายแต่คุณหลวงกลับมีใบหน้าที่งดงามราวกับเทพธิดา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน แพขนตายาว สันจมูกโด่งรับกับริมฝีปากอิ่มสีสด เรียกได้ว่าเป็นชายหนุ่มที่มีความงามไม้แพ้หญิงสาวเลยทีเดียว เป็นเพราะคุณหลวงได้เชื้อมาจากมารดา หม่อมอ้อม หล่อนเป็นหญิงสาวที่มีความงดงามล้นเหลือ ชายหนุ่มที่ไหนได้เห็นเป็นต้องเหลียวหลังมอง ผิวขาวอมชมพู ทรวดทรงองเอว จริตจะก้านสมกับเป็นนายหญิงแห่งวงศ์ตระกูลอันสูงศักดิ์ คุณหลวงอัษฎาได้รับการถ่ายทอดทั้งความงามของใบหน้า เรือนร่างระหง ขายาวสูงชะลูด อีกทั้งกริยามารยาทชนชั้นสูงของมารดา คุณหลวงได้รับมาเต็มๆ

เช้าวันต่อมา คุณหลวงอัษฎาประสงค์จะตักบาตรพระสงฆ์ที่ริมคลองบางรักบริเวณท้ายตำหนักชวนชมของคุณหลวง คุณเขาจึงให้เหล่าคนใช้เตรียมสำรับอาหารทั้งหมด ๑๐ ชุด ๙ ชุดสำหรับพระสงฆ์ อีก ๑ ให้กับนายอัศวิน พ่อหนุ่มผิวแทนที่คอยพายเรือขายถ่านเลียบคลองบางรักมาหลายขวบปี คุณหลวงตักบาตร อาราธนาศีล อาราธนาธรรมเสร็จก็บอกให้แม่ช้อย หญิงแก่ที่คอยรับใช้มารดาให้เก็บของกลับเข้าตำหนักไปก่อน คุณหลวงจะสนทนากับพ่ออัศวินอย่างส่วนตัวเสียหน่อย

ไม่นานนักพ่อหนุ่มขายถ่านก็พายเรือสำปั้นขนาด ๘ ศอกที่บรรทุกถ่านเต็มลำ มาเทียบท่าท้ายตำหนักคุณหลวงอัษฎา ฟันขาวๆโผล่ออกมาจากรอยยิ้มพิมพ์ใจของพ่ออัศวินชวนให้คุณหลวงเผลอหัวเราะอ่อนก่อนจะลุกขึ้นไปช่วยดึงเชือกให้เรือเข้าเทียบท่าได้ถนัดถนี่

รับนี่ไปสิ สบายดีหรือพ่อคนขายถ่าน

        คุณหลวงทักพร้อมยื่นสำรับอาหารที่ทำเผื่อมาให้อัศวิน

ขอบพระคุณขอรับคุณหลวง ข้าสบายดี แลไม่เห็นหน้าเห็นตาหลายวันนัก ไปทรงงานไกลหรือคุณหลวง    
ท่านปู่ของเราถึงแก่พิราลัย เราจึ่งไปเคารพพระศพยังเชียงใหม่ ว่าแต่คุณหลวงกระไรกัน เราบอกกี่หนแล้ว อย่าเรียกเราห่างเหินเช่นนั้นสิพ่ออัศวิน

        คุณหลวงท้วงเมื่อพ่อหนุ่มขายถ่านใช้สรรพนามไม่ตรงใจ

เสียใจกับเรื่องท่านปู่ด้วยคุณหลวง
ขอบใจพ่อหนุ่ม แต่พ่ออัศวินนี่พูดไม่รู้จักฟัง เราบอกให้เรียกเราเพียงคุณอัษก็พอ เราจะเรียกนายอัศวินว่าพ่อวินเช่นกัน หรือพ่ออัศวินคิดเห็นอย่างไร?
ทูลหัวของกระหม่อม ท่านว่าอย่างไร ข้าก็ว่าตามท่านนั้นแล บุญของอ้ายวินแท้ๆที่ท่านยอมลดตัวลงมาเสวนาพาทีกับคนอย่างข้า

        คนขายถ่านส่งยิ้มชวนฝันมาให้อีกระลอกแต่กลับถูกคุณหลวงเอ็ดเข้า

เราบอกว่าอย่างไรพ่อวิน เรียกเราว่าคุณอัษพอ ไหนลองเรียกชื่อเราซิ...
...คุณอัษ

        คนฟังทำตามอย่างว่าง่าย

ดี นั่นแหละที่เราอยากฟัง อ้อ พ่ออัศวิน เรามีเรื่องอยากจะขอ รับปากได้ไหมว่าจะตามใจเรา
ข้ารับปาก มีเหตุใดให้ข้าช่วยหรือคุณอัษ
เราได้ยินว่าในฤดูน้ำหลากนี้ที่ทุ่งภูเขาทองมักจัดงานรื่นเริงใหญ่โตเป็นประจำ ท่านปู่เคยเล่าว่าขนมจีนน้ำพริกของแม่หญิงอ่อนรสชาติดีนักหามีที่ใดเทียบไม่ หากพ่ออัศวินจะเมตตา โปรดพาเราไปเยี่ยมเยียนภูเขาทองสักครั้งด้วยฝีพายของพ่อวิน

        ดวงตาที่เป็นประกายของคุณหลวงเมื่อเอ่ยถึงขนมจีนน้ำพริกทำเอาหัวใจของนายอัศวินกระตุกวูบ คุณหลวงเป็นชายหนุ่มรูปงามที่ไม่มีใครในแถบคลองบางรักเทียบได้จริงๆ

ว่าอย่างไรล่ะ พ่ออัศวิน
ตกลงขอรับคุณอัษ ค่ำนี้ ๑๙.๐๐ นาฬิกา ข้าจะมารับ
ขอบใจที่เมตตาเราพ่อวิน แล้วพบกัน”
แล้วพบกันขอรับคุณหลวง เอ๊ย คุณอัษ ว่าแต่จะไม่รับถ่านไปสักกระผีกหนึ่งหรือขอรับ?"



#คฮคุณหลวงอัษฎา



รอนานไหมพ่ออัศวิน พอดีเรากับหม่อมออกไปพบคุณหญิงเรไรที่ตำหนักเวศวรุตน์ สนทนากันเสียเพลิน เกือบกลับมามิทัน อภัยเราเถิดพ่อวิน
กระหม่อมมิบังอาจถือโทษคุณหลวงหรอก ลงเรือเถิดประเดี๋ยวจะไปไม่ทันขนมจีนน้ำพริกแม่หญิงอ่อนที่คุณอัษปรารถนา
เราขอบใจ

        คุณหลวงยิ้มแล้ววางมือลงบนฝ่ามือกร้านของพ่อคนขายถ่านที่รอรับอยู่ เรือสำปั้นลำเดิมพายออกจากบางรักไปตามลำคลอง มีทั้งคลองขุดด้วยฝีมือชาวบ้าน และคลองตามธรรมชาติที่ขุดให้เชื่อมถึงกัน เรือสำปั้น ๘ ศอก ล่องไปตามคลองบางรัก มุ่งไปยังคลองมหานาคออกไปถึงนางเลิ้ง ฤดูน้ำหลากนี้สามารถพายเรือเที่ยวได้สบายๆ คุณหลวงอัษฎาชมความงามของธรรมชาติ ป่าเขาลำเนาไพรริมคลอง อีกทั้งยังมีสัตว์นานาชนิดคอยให้สอดส่อง เก้ง กวาง มีมากเหลือ บ้างก็นอนหลับ บ้างก็อิงแอบแนบชิดกันตามประสาฤดูสัตว์ผสมพันธุ์

        งานประจำปีเดือน ๑๑ ที่ภูเขาทอง ยิ่งใหญ่สมกับได้ยินเสียงเล่าเสียงลือ แสงไฟประดับดาประเต็มสองข้างทาง ผู้คนมากมายพากันออกมาเที่ยวเล่น เหล่าพ่อค้าแม่ค้าต่างพาเรือลำเล็กลำใหญ่มากันคับคั่ง มีทั้งเรือสำปั้นแบบของนายอัศวิน เรือแจว เรือกระแชง หรือแม้แต่เรือหางยาว คุณหลวงรีรอไม่ไหวที่จะลิ้มรสขนมจีนน้ำพริกของแม่หญิงอ่อน จึ่งเร่งเร้าให้อัศวินพายเรือตรงดิ่งไปหาขนมจีนอย่างเร็วไว

ขนมจีนน้ำพริกราคาแพงกว่าก๋วยเตี๋ยวถึง ๒ อัฐ แต่เพียงคำแรกคุณหลวงอัษฎาก็แทบสำลักในรสชาติที่ไร้ที่ติ คุณหลวงยื่นกะลาที่ใช้เป็นถ้วยใส่สำรับอาหารให้อัศวินลิ้มรส แม้นพ่อหนุ่มขายถ่านจะบ่นว่าแพงแสนแพง ขนมจีนถ้วยหนึ่งราคาถึง ๔ อัฐแต่พ่อก็ยังเอ่ยขอถ้วยที่สองจากแม่หญิงอ่อน สบายพุงกะทิน้อยๆของหนุ่มๆทั้งสองไป อัศวินประนมมือไหว้ขอบพระคุณคุณหลวงเสียยกใหญ่ที่มื้อนี้คุณหลวงใจป้ำเลี้ยงอาหารราคาแพงถึง ๒ สตางค์ เพราะโดยปกติแล้ว ๑ สตางค์เอาไปเปลี่ยนเป็นปลาทูได้ถึง ๔ เข่ง ปลาทู ๔ เข่งนี้อยู่กินกันในครอบครัวของอัศวินได้โดยมาก ๔ วัน เป็นบุญของอัศวินจริงๆที่มีคุณหลวงอัษฎาคอยเมตตาอยู่เป็นนิตย์

คุณหลวงอิ่มเอมเปรมปรีดิ์กับการท่องเที่ยวตลาดน้ำงานวัดภูเขาทองไม่ลืมที่จะแวะชิมขนมอีกสองสามชนิด อัศวินยอมควักเบี้ยที่เก็บหอมรอมริบออกมาซื้อขนมหันตรามอบให้คุณหลวงเป็นการตอบแทน คุณหลวงเบิกตากว้างมองอัศวินด้วยแววตาสงสัย อัศวินจะรู้หรือไม่ว่าการมอบขนมหันตรานี้ให้แก่ใครนั้นมีความหมายว่าอย่างไร

ก่อนกลับตำหนัก คุณหลวงและอัศวินพากันขึ้นเรือไปสักการะและปิดทองพระบรมสารีริกธาตุบนองค์บรมบรรพตอันเป็นมงคลสูงสุด ผ้าแดงผืนใหญ่ห่มรอบภูเขาทองเป็นสัญลักษณ์ว่างานรื่นเริงประจำปีได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว สองหนุ่มเดินทอดน่องไปตามทาง เก็บเอาบรรยากาศและความสุขกลับไปเต็มหัวใจ เพียงได้เดินเคียงข้างกันไปเช่นนี้ก็ไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาต้องการอีกแล้ว



... 




ขอบใจจริงๆ หากไม่มีพ่อวินเราคงไม่มีโอกาสได้ออกมาเที่ยวเล่นยามราตรีเช่นนี้
        คุณหลวงเอ่ยเมื่ออัศวินพาเรือพายกลับมายังตำหนัก
ยินดีขอรับทูนหัวของกระหม่อม
จริงสิ พ่อวินสนใจจะมาเป็นเลขาฯคนสนิทของเราหรือไม่ ผู้ช่วยคนเก่าของเรา อาทองสุขแกขอกลับไปเลี้ยงลูกเมียที่บ้านเกิด ตอนนี้เรากำลังหาผู้ช่วยคนใหม่
ข้าเกรงว่าจะช่วยท่านได้ไม่มากนักคุณหลวง ตัวข้ามิได้ร่ำเรียนวิชาใดๆมากพอ เพียงแบบเรียนเร็ว ๓ เล่ม ความรู้คงมิอาจเทียบเคียงคุณอาทองสุขได้
เรารู้ เราจึ่งอยากให้พ่อวินเข้าเรียนที่ตำหนักสวนกุหลาบเสียก่อน เราจะเป็นผู้ส่งเสียให้เอง ปีนี้พ่อวินอายุครบ ๒๑ ปีบริบูรณ์เราจำได้ เกณฑ์ทหารเรียบร้อย ทุกวันนี้ก็ประกอบอาชีพเพียงแค่ขายถ่าน พ่ออัศวินคงจะหามีเหตุอื่นใดไม่มาปฏิเสธเรา

        อัศวินรู้สึกเหมือนถูกคุณหลวงมัดมือชกก็คราวนี้ ก็จริงอย่างที่คุณหลวงว่าปีนี้อัศวินมีอายุครบ ๒๑ ปี ผ่านเกณฑ์ทหารมาครบตามกำหนด แท้จริงแล้วอัศวินสามารถออกทำงานเป็นเสมียนได้เพียงแต่อัศวินอยากจะดำรงคงอยู่อาชีพของตระกูลไว้ การขายถ่านที่เป็นอาชีพดั้งเดิมของชาวสยาม

คุณอัษ ข้าอยากให้ท่านกลับไปตรองดูใหม่ว่าการจะให้ข้าเป็นถึงเลขาฯนั้นสมควรแล้วหรือ..”
“นั่นนายอัศวินกำลังต่อว่าเรา?
มิบังอาจขอรับคุณหลวง กระหม่อมเพียงแต่อยากให้ท่านลองตรึกตรองดูอีกสักหน
ก็ได้ ตามใจนาย อัศวิน…”

        ทำไมตามใจของกระผมถึงได้ดูเหมือนต้องตามใจคุณหลวงมากกว่าล่ะขอรับ? 


๑๐๐ %


*ขนมหันตราหรือขนมฝอย เป็นขนมโบราณ ที่ใช้ในงานหมั้น ซึ่งแสดงถึงการตีตราจองว่าหญิงนั้นมีคู่หมั้นแล้ว ทำจากถั่วเขียวเลาะเปลือกที่นำมากวนกับน้ำตาลทรายแล้วปั้นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ กดตรงกลางให้บุ๋มแล้วมาห่อด้วยไข่ที่ทำเป็นตาราง




วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Special --> SF The 2nd Project ; [KAIHUN] ชายผู้มากับสายฝน


SF ; จงอิน x เซฮุน ชายผู้มากับสายฝน
แฮชแท็ก ; #ชายผู้มากับสายฝน





[คุณอิน x คุณโอชายผู้มากับสายฝน

[ 3 สิงหาคม 2558 , 17.45. ]
พยากรณ์อากาศกรุงเทพมหานครฯประจำวันที่ สิงหาคม 2558 มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

เปาะ แปะ .. เปาะ แปะ ..
ซ่า

          ให้ตายสิ..”
หากถามว่าสิ่งที่ไม่ชอบคืออะไรสิ่งแรกที่อิทธิพัทธ์หรือสถาปนิกอินจะตอบได้ทันทีอย่างไม่ลังเลใจก็คือ ฝน อินคิดว่าบรรยากาศในยามฝนตกมันชวนให้หดหู่อย่างน่าประหลาดและเขาไม่ชอบพกร่ม นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมอินถึงต้องพาร่างสูง 182 เซนติเมตรของตนเข้ามานั่งหลบฝนอยู่ในร้านกาแฟเล็กๆแห่งนี้ พี่ชานเตือนเขาตั้งแต่เช้าตอนก่อนออกจากบ้านว่าวันนี้จะมีฝนตกตอนเย็นให้พกร่มติดกระเป๋ามาด้วย แหงล่ะใครจะไปพก พยากรณ์อากาศประเทศไทยเชื่อได้ที่ไหนกัน แต่ราวกับฝัน พยากรณ์ที่เคยสบประมาทว่าเชื่อไม่ได้กลับตรงเผงขึ้นมาเสียอย่างนั้น เมฆฝนดำทะมึนปกคลุมทั่วท้องฟ้าจนมืดมิดไปหมด

รู้งี้เชื่อพี่ชานซะก็ดี ป่านนี้ได้กลับบ้านไปแก้แบบให้ลูกค้าเสร็จเป็นสิบแผ่นละ

          สถาปนิกหนุ่มคิดในใจในขณะที่เหม่อมองออกไปยังนอกหน้าต่าง การจราจรหยุดนิ่งราวกับภาพถ่ายมีเพียงหยดน้ำจากฟากฟ้าเท่านั้นที่ทำหน้าที่ของมันเป็นอย่างดี จริงๆฝนตกกับรถติดของมันคู่กันอยู่แล้ว มีเธอต้องมีฉันแล้วเมื่อไหร่กันที่สถาปนิกอินจะมีแฟนกับเขาสักที(นั่น) ที่ไหนมีฝนตกที่นั่นมีรถติดเสมอ

เกือบชั่วโมงครึ่ง สายฝนยังคงเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักจนเริ่มปรากฏน้ำสีขุ่นไหลเอ่อขึ้นมาท่วมตามท้องถนน 
กทม.ก็ยังรักษาคุณภาพท่อตันได้เป็นอย่างดี

เปรี้ยง!
“…!”
          ร่างของอีกคนกระตุกเฮือกเมื่อได้ยินเสียงฟ้าผ่าดังลั่นกึกก้อง มือเรียวของบาริสต้าหนุ่มเร่งรีบเก็บกวาดภาชนะหลากสีบนโต๊ะใส่ถาดไปเก็บที่หลังครัว ขายาวในกางเกงสแล็คสีดำก้าวผ่านอิทธิพัทธ์ไปในระยะประชิดราวกับไม่เห็นว่ามีใครนั่งอยู่ตรงนั้น อินมองตามเรียวขานั้นก้าวฉับๆจนหายลับไปในกรอบประตูสีน้ำตาลอย่างไม่วางตา

          ชายหนุ่มหันรีหันขวางมองดูภายในร้านกาแฟขนาดกะทัดรัดก็พบว่าไม่มีใครอยู่แล้วนอกจากเขา อินยกชามะลิแก้วเล็กที่เย็นชืดขึ้นซดจนหมดหลังนั่งทอดหุ่ยอยู่นานเป็นชั่วโมง เสียงหึ่งๆของเครื่องปรับอากาศหยุดทำงานในเวลาไล่เลี่ยกับที่ไฟในร้านถูกหรี่จนดับลงไม่นานนักร่างของใครอีกคนที่กระวีกระวาดออกมาจากหลังร้านก็พุ่งตรงไปยังประตูกระจกหน้าร้านอย่างรวดเร็ว

เฮ้..เดี๋ยวนะ นี่ไม่เห็นหรอว่าเขายังนั่งอยู่น่ะ!? อิทธิพัทธ์เบิกตาโตก่อนสมองจะประมวลผลให้เขาตะโกนเรียกชายอีกคนที่กำลังพลิกป้ายแขวนหน้าร้านจาก OPEN ให้เป็น CLOSE

คุณครับ!! อย่าเพิ่งไป!”
เฮ่ย ใครอะ!!!”
อย่าเพิ่งปิดคุณ ผมยังไม่ได้จ่ายตัง!”
นั่นใคร อยู่ตรงไหน คนหรือผี ทำไมไม่เห็นเลยอะ
ตรงนี้ครับคุณ!”
ไหน อยู่ไหน ไม่เห็นเลย โอ้ยย โดนแล้วไอ้โอ นะโมตัสสะ โอโดนผีหลอกแล้วแม่..”

          โธ่ ก็รู้อยู่ว่าดำแต่เรียกไอ้มืดยังไม่เจ็บใจเท่าบอกว่ามองไม่เห็นเลย

          คนผิวสีแทนที่จะขาวคิดในใจก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโบก บางทีแสงสว่างจากหน้าจอนี่อาจจะสว่างกว่าอนาคตของเขาอีกล่ะมั้ง

คุณโอ ผมเป็นคนครับไม่ใช่ผี
แล้วทำไมตอนไปเก็บจาน ผมไม่เห็นคุณเลยอะ ไม่ใช่ผีแน่นะคุณ ผมมีพระนะ!”
ผมไม่ใช่ผี ผมแค่ดำ…”
          เฮ่อ










เบาๆสิคุณ รอยหยักในสมองผมไหลออกหมดทำไง
เจ้าของแผลจอมซุ่มซ่ามบ่นขณะที่กำลังได้รับการปฐมพยาบาลง่ายๆจากชายหนุ่มอีกคน มันเป็นความผิดพลาดของเขาเองที่ไม่ยอมซ่อมป้ายไฟหน้าร้านเสียทีทั้งๆที่มีคนเตือนอยู่ตั้งหลายครั้งหลายคราว่ามันจะหลุด แล้วเคราะห์ร้ายนั่นก็ตกลงที่เจ้าของร้านเองนั่นแล ป้ายLED  ที่กำลังจะร่วงแหล่มิร่วงแหล่ได้ฟาดลงมาเข้าที่หน้าผากมนเต็มๆ ไม่มีซีจี ไม่มีตัวแสดงแทน สะเทือนยิ่งกว่าเก้าอี้ 4DX สมองของโอถึงกับเบลอไปชั่วขณะ สติสตังดูละม้ายคล้ายจะหลุดเลือน เหลือเพียงเลือดสดๆและรอยแผลจากขอบป้ายไฟ MR.O’s Café ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าเท่านั้น ร้อนถึงลูกค้าอย่างอินที่ต้องวิ่งเข้ามาพยุงโอไว้ไม่ให้ล้มหงายหลังตึงไป กลัวหัวจะฟาดพื้นไปอีก ทีนี้ก็ได้อวสานโลกสวยกันพอดี

อินคิดว่าเขากำลังจะเป็นบ้า มันไม่ใช่ธุรกงธุรการอะไรของเขาเลยสักนิดที่จะต้องมาทำแผลให้คนคนนี้แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้คงเป็นเพราะใบหน้าขาวใสที่อยู่ห่างจากเขาเพียงแค่คืบนั่น

โอ้ย เบาหน่อย
“…”
มองอะไร

อินผละมือออกจากแผลของคนขี้บ่นมาพิจารณาถึงขนาดและความลึกของแผลว่าควรจะทำแค่ปฐมพยาบาลแล้วกลับบ้านหรือจะพาคนคนนี้ไปหาหมอก่อนดีแต่พอได้ยินน้ำคำกวนประสาทจากอีกฝ่ายอินก็ตัดสินใจได้ทันทีว่าหากยังฤทธิ์มากได้ถึงเพียงนี้ไม่ต้องพาไปเย็บแผลที่โรงพยาบาลก็คงไม่จะเสียหายอะไร­­

ผมถามว่ามองอะไร หน้าผมเหมือนพ่อคุณหรอ
ก็แผลมันอยู่บนหน้าจะให้ผมมองนิ้วก้อยตีนคุณหรือไง อยากโดนทิงเจอร์ทิ่มตาก็ไม่บอก
หยาบคาย
โธ่ คุณ ใครกันแน่ที่หยาบคาย ลูกค้ายังนั่งอยู่ในร้านแท้ๆมาปิดไฟไล่แถมยังว่าผมเป็นผีอีก ถ้าไม่มีผมนะป่านนี้คุณได้ไปทักทายยมโลกแล้ว
แล้วใครใช้ให้ดำล่ะ
“…”
          ให้ตายสิ เห็นหน้าตาน่ารักๆแบบนี้แต่พูดจาแทงใจดำเป็นบ้า นี่คนหรือคมแฝก อินได้แต่กลอกตามองบน ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ รู้ดีว่าถึงเถียงกลับไปโอก็คงจะมีข้อโต้แย้งกลับมาได้เสมอ ฉะนั้นเงียบๆไปเสียคงเป็นทางเลือกที่ดีและง่ายที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

          เป็นเวลาทุ่มกว่าๆ คุณหมอจำเป็นติดพลาสเตอร์ยาลงบนรอยแผลด้วยมือที่สั่นระริกพอๆกับหัวใจที่สั่นระรัว ความใกล้ชิดเมื่อครู่ทำให้รู้ว่ากลิ่นของคนตรงหน้าหอมหวานเพียงใด แม้แต่ใบหน้าภายใต้หน้าม้าที่ตกลงมาปรกหน้าผากนั่นก็หวานละมุน ผิวนุ่มนิ่มเสียจนเผลอหวั่นไหว อินคิดว่าเขาคงจะทำงานหนักจนเบลอมากไปแล้วกระมังที่เผลอไผลไปกับหนุ่มร่างบางตรงหน้าเสียได้

คุณชื่ออะไร
          เสียงจากอีกฝ่ายเรียกให้อินตื่นจากภวังค์
อะ..อินครับ อิทธิพัทธ์
นามสกุล..”
ธีรคุณานันต์ ถามทำไมเนี่ย?
ผมชื่อโอนะ เอ้า ให้
          บาริสต้าหนุ่มว่าแล้วยื่นบัตรแข็งสกรีนโลโก้ MR.O’s Café พร้อมเขียนว่า VIP ที่มีชื่อของอินมาให้
อะไรครับ
บัตรสมาชิกไง ขอบคุณที่ทำแผลให้ผม ผมไม่รู้จะให้อะไรดีเอาบัตรไปเป็นของสมน้ำหน้าคุณแล้วกัน
สัมมนาคุณ
อืม นั่นแหละ
ขอบคุณครับแต่จริงๆผมไม่ชอบดื่มกาแฟ
แต่จะชอบก็ได้ถ้าเป็นกาแฟของคุณโอ(?)
แล้วทำไมมานั่งร้านกาแฟ?
ผมแค่มาหลบฝน
          ต่อไปจะมาหลบบ่อยๆก็ได้(มั้ง?)ครับ
อ้องั้นเอาไปให้แฟนคุณก็ได้
ผมยังไม่มีแฟน
ก็เอาไปให้คนอื่นสิ เพื่อน พ่อ แม่ พี่ น้อง ใครก็ได้ ตามใจคุณเลย
คุณโอไม่อยากให้ผมมาหรอครับ?
อ้าว ก็เห็นคุณบอกไม่ชอบกินกาแฟ คุณคงไม่ได้มาหรอก ไม่ปะ....”
ผมจะมาครับ
!!!











[ 8 สิงหาคม 2558 , 19.45.]
        พยากรณ์อากาศกรุงเทพมหานครฯประจำวันที่ สิงหาคม 2558 มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.      

บาริสต้าหนุ่มที่ควบตำแหน่งเจ้าของร้านกาแฟ MR.O’s Café ซักผ้าเช็ดโต๊ะด้วยพลังทศกัณฐ์ 10 มือเป็นการระบายอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ภายในมาหลายวัน ริมฝีปากบางพร่ำบ่นถึงใครบางคนที่เคยช่วยชีวิตเอาไว้เมื่อวันก่อน

คนโกหก
ไหนว่าจะมานี่ห้าวันแล้วยังไม่เห็นแม้แต่เงา
คำพูดลอยๆของคนเรานี่มันเชื่อไม่ได้เลยจริงๆ











[ 11 สิงหาคม 2558 , 17.55.]
        พยากรณ์อากาศกรุงเทพมหานครฯประจำวันที่ 11 สิงหาคม 2558 มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.

          เมฆหนาปกคลุมท้องฟ้าจนไม่เห็นแสงแดด หลายวันมานี้ฝนไม่ตกเลยสักนิด โอรับออร์เดอร์ลูกค้าด้วยจิตใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว บางวันก็เสิร์ฟน้ำผิดโต๊ะ บางครั้งก็จดออร์เดอร์มาผิด จิ้มเครื่องคิดเงินงกๆเงิ่นๆอยู่นานสองนานและเมื่อคิดถึงใบหน้าคร้ามแดดของคนที่เคยช่วยชีวิตไว้แล้วหัวใจก็วูบไหวแปลกๆ

วันนี้ฝนไม่ตก ชายหนุ่มนั่งเท้าคางมองออกไปข้างนอกอย่างเหม่อลอย รอคอยการมาของใครบางคนแต่เขาคนนั้นก็ไม่มา











[ 22 สิงหาคม 2558 , 18.30. ]
        พยากรณ์อากาศกรุงเทพมหานครฯประจำวันที่ 22 สิงหาคม 2558 มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 70 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียสลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ซู่
          อากาศร้อนอบอ้าวตลอดวันเตือนว่าน่าจะมีฝน แล้วก็ไม่ผิด วันนี้ฝนตกจนฉ่ำปอด
เป็นเวลากว่าสองสัปดาห์แล้วที่อิทธิพัทธ์ไม่ได้แวะเวียนไปที่ MR.O’s Café เลย ช่วงนี้ที่บริษัทของอินงานยุ่งมากจนต้องทำโอทีทุกวันกว่าจะได้กลับบ้านก็สี่ห้าทุ่มแล้ว ร้านกาแฟของโอก็ไม่ได้เปิดบริการดึกมากขนาดที่สี่ทุ่มจะแวะไปนั่งเล่นได้ ปกติเพียงทุ่มสิบห้าโอก็จะเริ่มเก็บกวาดทำความสะอาดเตรียมตัวปิดร้านแล้วอินเลยทำได้เพียงหอบเอาแบบบ้านของลูกค้าตรงกลับบ้านเพียงอย่างเดียว

          วันนี้สถาปนิกอินเคลียร์งานทุกอย่างเสร็จในเวลาเพียงหกโมงครึ่ง ผลของความพยายามอย่างหนักที่แบกงานกลับบ้านไปทำทุกวันได้ตอบแทนด้วยการทำให้อินเลิกงานไวกว่าทุกวันในสัปดาห์ที่ผ่านๆมา ท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำกับอิทธิพัทธ์ชายหนุ่มผู้ไม่เคยพกร่ม เขาได้พาร่างของตนมาหยุดอยู่ที่ร้านกาแฟร้านเดิมอีกครั้ง ร้านที่มีบาริสต้าหน้าตาน่ารักๆคนนั้น
กริ๊ง
คะคุณอิน ลมอะไรหอบคุณมาถึงนี่…”
          เจ้าของร้านทักทายอินที่ยืนตัวเปียกชุ่มอยู่หน้าร้านด้วยแววตาตื่นตระหนก
ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้น่ะครับ แรงซะด้วย
แย่จริง เปียกหมดเลย เข้ามาก่อนสิคุณ เดี๋ยวผมเอาเสื้อมาให้เปลี่ยน
ขอบคุณครับ











คุณโอจะปิดร้านแล้วเหรอ?
สถาปนิกหนุ่มทักขึ้นในขณะที่กำลังใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผม เขาเห็นเหมือนว่าในร้านเริ่มจะเก็บกวาดไปบ้างแล้วเป็นบางส่วน
อื้อ ฝนตกทีไรเงียบเหงาทุกที มีแต่คุณนั่นแหละที่ชอบโผล่มา..”

อินยิ้มให้กับคำตอบนั้น ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรืออย่างไรที่ทุกครั้งที่ฝนตกเขามักจะมาโผล่ที่ MR.O’s café ทุกที เสื้อผ้าที่โอเอามาให้เปลี่ยนก็หอมเสียจนเหมือนมีเจ้าของของมันกอดเอาไว้ตลอดเวลา อินแอบสูดดมกลิ่นหอมของเสื้อยืดเนื้อนุ่มอีกครั้งหัวใจชายหนุ่มก็เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอก
หอมเหลือเกิน อยากชวนมาซักผ้าร่วมกันที่บ้านจังครับ มีเคล็ดลับอะไรทำไมถึงซักผ้าได้หอมรัญจวนใจขนาดนี้

โอยืนเท้าแขนอยู่หน้าเครื่องคิดเงินพลางมองอินที่กำลังสะบัดผมไปมา ไม่รู้ทำไมแค่เช็ดผมจะต้องเท่ขนาดนั้น บอกตรงๆเลยว่าเพียงแค่เห็นอิทธิพัทธ์ยืนเปียกปอนอยู่ที่หน้าประตูร้าน ความโกรธที่สั่งสมมาหลายวันก็ได้อันตรธานหายไปอย่างน่าเจ็บใจ แค่ได้เห็นใบหน้าคร้ามแดดกับเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่ปลดกระดุมบนออกสองสามเม็ดเปียกลู่แนบร่างกายไปทุกสัดส่วน ดวงใจดวงน้อยก็หล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่โอรู้สึกว่าผิวสีแทนนั่นเซ็กซี่จนแทบบ้า
คุณโอ..”
“…”
โอ คุณโอ
อ๊ะ ครับ คุณอิน
ปิดร้านเลยก็ได้ครับ ผมจะกลับแล้ว
อ้าว ไม่ทานอะไรหน่อยเหรอ ทำไมรีบกลับจัง
          จะไปบอกได้ยังไงครับว่าแค่เห็นหน้าคุณผมก็อิ่มแล้ว (เอ้า อ้วกพร้อมกัน 1 2 3 แหวะ!)
เอ่อ…”
 “ฝนมันยังปรอยๆอยู่เลยนะคุณ จะกลับแล้วหรอ
จะให้ผมใส่เสื้อผ้าคุณอยู่แบบนี้แล้วยังถูกคุณจ้องอย่างกับปลากัด ผมก็คนนะครับไม่ใช่พระอิฐพระปูน ผมทนไม่ไหวหรอก หัวใจจะวายเอา
คือว่า..”
ให้ไปส่งมั้ย?
          บาริสต้าหนุ่มเสนอ
อย่าเลยครับ ผมไม่อยากรบกวนคุณ เดี๋ยวกลับเองดีกว่า
ฮื้อ มาเถอะ ผมเต็มใจ ต่อไปถ้าฝนตกอีกก็มาหาผมนะ
แล้วถ้าผมอยากเจอคุณแต่ฝนมันไม่ตกขึ้นมาล่ะจะทำยังไงครับ?” 

สิ้นสุดคำถาม ร่างสูง 182 เซนติเมตรของสถาปนิกหนุ่มก็ลุกขึ้นเดินออกมายืนประจันหน้ากับคนหลังเคาน์เตอร์ บาริสต้าหนุ่มยืดตัวขึ้นจนเต็มความสูง ระดับสายตาของพวกเขาตรงกันพอดิบพอดี อิทธิพัทธ์มองเข้าไปในดวงตาคู่สวยของอีกฝ่ายที่ส่องประกายแวววับในยามที่แสงไฟส่อง สันจมูกโด่งรับกับริมฝีปากกระจับที่มองกี่ทีก็ไม่เบื่อ
เฮ่อ จะต้องตกหลุมรักคนคนเดิมอีกครั้งกันนะ

คุณก็พกร่มมาให้เหมือนฝนตกสิ
คุณโอ คุณก็รู้ว่าผมไม่ชอบพกร่ม
.
.
.

งั้นให้ผมเป็นร่มของคุณจะได้มั้ยครับ คุณอิน?





- จบ -