ตอนที่
๑
คุณหลวงอัษฎาพาท่องภูเขาทอง
แฮชแท็ก
; #คฮคุณหลวงอัษฎา
X คำเตือน X
ฟิคเรื่องนี้มีเนื้อหาอิงตามประวัติศาสตร์ไทยยุคสมัยในตอนปลายของรัชกาลที่
๕ ถึง
รัชกาลที่
๖ บางส่วนมีการปรับแก้เสริมแต่งขึ้นตามใจผู้เขียน
กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่านนะก๊ะ
; )
X คำเตือน X
ปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ามีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น
ทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายแต่อย่างไรบ้านเมืองก็ยังคงดูสงบสุขภายใต้ร่มพระบารมีของล้นเกล้ารัชกาลที่
๕ คุณหลวงอัษฎา ณ เชียงใหม่ ได้กลับมายังบางกอกหลังเดินทางไปเชียงใหม่เพื่อเคารพพระศพของท่านปู่หรือพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่
๗ เนื่องจากคุณหลวงอัษฎาหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ‘คุณหลวงอัษ’
ท่านเป็นคุณผู้ชายที่ดำรงเชื้อสายเจ้าจากเชียงใหม่ท่านสืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าอินทวิชยานนท์
คุณหลวงเป็นหลานชายคนสนิทของพระเจ้าอินทวิชยานนท์หรือชื่อเดิมคุณปู่อินทนนท์
การจากไปคราวนี้ของคุณปู่ทำให้คุณหลวงอัษฎาเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก
ถึงแม้คุณหลวงจะย้ายตามหม่อมอ้อม มารดาของคุณหลวงมาจากเชียงใหม่ไปพำนักอยู่ที่บางกอกทันทีตั้งแต่เรียนจบจากโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย
แต่คุณหลวงก็ยังเขียนจดหมายติดต่อกับท่านปู่อินทนนท์อยู่เสมอ
สมัยเด็กๆคุณปู่มักจะบอกกับนายน้อยอัษฎาเสมอว่า
‘รู้อะไรก็ไม่เท่า
รู้วิชา ให้อะไรก็ไม่เท่า ให้การศึกษา’ คุณหลวงจึ่งได้เข้ารับการศึกษาเต็มหลักสูตรอีกทั้งยังเป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนดีมาตั้งแต่สมัยที่ศึกษาอยู่
ณ โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัยจนกระทั่งมาศึกษาต่อที่โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบคุณหลวงก็ยังคงรักษาความเป็นนักเรียนดีเด่นได้ดีอย่างไม่มีที่ติ
เพราะน้อยคนนักที่จะเรียนหนังสือซึ่งพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย
อาจารยางกูร) ได้รวบรวมไว้จนจบครบหมดทั้ง ๖ เล่มได้แก่ มูลบทบรรพกิจ วาหนิตนิกร
อักษรพิโยค สังโยคพิธาน ไวพจน์พิจารณ์ และพิศาลการันต์
ถึงครานี้ แม้คุณปู่จะจากไปแล้วแต่คุณปู่ก็ยังทิ้งสมบัติล้ำค่าไว้ให้คุณหลวงอัษฎาเป็นของขวัญชิ้นสุดท้าย
นั่นก็คือ หนังสือ The Sleeper and the
Waker ฉบับภาษาอังกฤษที่คุณหลวงปรารถนานั่นเอง
คุณหลวงเปิดหน้าหนังสือหน้าแรกก็พบว่ามีจดหมายน้อยจากท่านปู่ฝากมาถึง
‘พ่ออัษหลานรัก
หากหลานได้อ่านจดหมายน้อยฉบับนี้
ขอให้หลานรู้ไว้ว่า
วาสนาปู่คงไม่พออยู่ทันเห็นหลานเป็นฝั่งเป็นฝาเสียแล้ว
แต่ช่างปะไร ปู่ขอมอบหนังสือเล่มนี้ไว้เป็นของขวัญและเป็นตัวแทนของปู่ก็แล้วกัน
ปู่มั่นใจว่าพ่ออัษต้องยินดีจนน้ำตาออกเป็นแน่
ปู่ภูมิใจที่มีหลานอย่างพ่ออัษ
ถึงปู่จะจากไปแล้วก็ขอให้พ่ออัษมีนิสัยรักการอ่านเช่นนี้เสมอ
ถึงปู่จะจากไปแล้วก็ขอให้พ่ออัษมีนิสัยรักการอ่านเช่นนี้เสมอ
นี่เป็นคำสอนสุดท้ายจากปู่ ขอให้หลานจำให้ขึ้นใจ
ถึงวงศ์ของเราจะเป็นเจ้านาย เป็นคนใหญ่โต
จงอย่าถือดี อย่าหัวสูง
ปู่อยากให้พ่ออัษไปพบปะสมาคมกับผู้หญิงเสียบ้าง
อายุอานามก็มิใช่น้อยๆ
๒๘ แล้วนะพ่ออัษ หากเทียบกับปู่ ๒๘
นี้ปู่มีเมียแล้ว ๔ ราย
นี่แหละที่ปู่จะสอน หาเมียได้แล้วพ่ออัษ
ด้วยรัก
ท่านปู่อินของหลาน
คุณหลวงหัวเราะทั้งน้ำตาตอนอ่านจดหมายน้อยจากท่านปู่จบ
ท่านปู่อินทนนท์ยังคงอารมณ์ขันเหมือนเคย
คุณหลวงอัษฎายิ้มให้กับข้อความที่เขียนด้วยปากกาคอแร้งจุ่มน้ำหมึกยี่ห้อเกฮาร์
ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มเป็นหยดสุดท้ายก่อนจะตอบรับในใจถึงคำสั่งเสียที่ท่านปู่ทิ้งไว้
ได้ครับ ท่านปู่ ศกนี้อัษฎาจะหาเมียดีๆสักคน(พอ) ๔
คนเหมือนท่านปู่เห็นทีคงไม่ไหว
ด้วยความที่คุณหลวงอัษฎามีเชื้อสายเป็นคนเชียงใหม่จึงทำให้มีผิวพรรณที่ขาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง
แม้ร่างกายเป็นชายแต่คุณหลวงกลับมีใบหน้าที่งดงามราวกับเทพธิดา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน
แพขนตายาว สันจมูกโด่งรับกับริมฝีปากอิ่มสีสด เรียกได้ว่าเป็นชายหนุ่มที่มีความงามไม้แพ้หญิงสาวเลยทีเดียว
เป็นเพราะคุณหลวงได้เชื้อมาจากมารดา หม่อมอ้อม หล่อนเป็นหญิงสาวที่มีความงดงามล้นเหลือ
ชายหนุ่มที่ไหนได้เห็นเป็นต้องเหลียวหลังมอง ผิวขาวอมชมพู ทรวดทรงองเอว
จริตจะก้านสมกับเป็นนายหญิงแห่งวงศ์ตระกูลอันสูงศักดิ์ คุณหลวงอัษฎาได้รับการถ่ายทอดทั้งความงามของใบหน้า
เรือนร่างระหง ขายาวสูงชะลูด อีกทั้งกริยามารยาทชนชั้นสูงของมารดา
คุณหลวงได้รับมาเต็มๆ
เช้าวันต่อมา
คุณหลวงอัษฎาประสงค์จะตักบาตรพระสงฆ์ที่ริมคลองบางรักบริเวณท้ายตำหนักชวนชมของคุณหลวง
คุณเขาจึงให้เหล่าคนใช้เตรียมสำรับอาหารทั้งหมด ๑๐ ชุด ๙ ชุดสำหรับพระสงฆ์ อีก ๑
ให้กับนายอัศวิน พ่อหนุ่มผิวแทนที่คอยพายเรือขายถ่านเลียบคลองบางรักมาหลายขวบปี คุณหลวงตักบาตร
อาราธนาศีล อาราธนาธรรมเสร็จก็บอกให้แม่ช้อย หญิงแก่ที่คอยรับใช้มารดาให้เก็บของกลับเข้าตำหนักไปก่อน
คุณหลวงจะสนทนากับพ่ออัศวินอย่างส่วนตัวเสียหน่อย
ไม่นานนักพ่อหนุ่มขายถ่านก็พายเรือสำปั้นขนาด
๘ ศอกที่บรรทุกถ่านเต็มลำ มาเทียบท่าท้ายตำหนักคุณหลวงอัษฎา
ฟันขาวๆโผล่ออกมาจากรอยยิ้มพิมพ์ใจของพ่ออัศวินชวนให้คุณหลวงเผลอหัวเราะอ่อนก่อนจะลุกขึ้นไปช่วยดึงเชือกให้เรือเข้าเทียบท่าได้ถนัดถนี่
“รับนี่ไปสิ สบายดีหรือพ่อคนขายถ่าน”
คุณหลวงทักพร้อมยื่นสำรับอาหารที่ทำเผื่อมาให้อัศวิน
“ขอบพระคุณขอรับคุณหลวง ข้าสบายดี แลไม่เห็นหน้าเห็นตาหลายวันนัก
ไปทรงงานไกลหรือคุณหลวง”
“ท่านปู่ของเราถึงแก่พิราลัย เราจึ่งไปเคารพพระศพยังเชียงใหม่ ว่าแต่คุณหลวงกระไรกัน
เราบอกกี่หนแล้ว อย่าเรียกเราห่างเหินเช่นนั้นสิพ่ออัศวิน”
คุณหลวงท้วงเมื่อพ่อหนุ่มขายถ่านใช้สรรพนามไม่ตรงใจ
“เสียใจกับเรื่องท่านปู่ด้วยคุณหลวง”
“ขอบใจพ่อหนุ่ม แต่พ่ออัศวินนี่พูดไม่รู้จักฟัง เราบอกให้เรียกเราเพียงคุณอัษก็พอ
เราจะเรียกนายอัศวินว่าพ่อวินเช่นกัน หรือพ่ออัศวินคิดเห็นอย่างไร?”
“ทูลหัวของกระหม่อม ท่านว่าอย่างไร ข้าก็ว่าตามท่านนั้นแล
บุญของอ้ายวินแท้ๆที่ท่านยอมลดตัวลงมาเสวนาพาทีกับคนอย่างข้า”
คนขายถ่านส่งยิ้มชวนฝันมาให้อีกระลอกแต่กลับถูกคุณหลวงเอ็ดเข้า
“เราบอกว่าอย่างไรพ่อวิน เรียกเราว่าคุณอัษพอ ไหนลองเรียกชื่อเราซิ...”
“...คุณอัษ”
คนฟังทำตามอย่างว่าง่าย
“ดี นั่นแหละที่เราอยากฟัง อ้อ พ่ออัศวิน เรามีเรื่องอยากจะขอ
รับปากได้ไหมว่าจะตามใจเรา”
“ข้ารับปาก มีเหตุใดให้ข้าช่วยหรือคุณอัษ”
“เราได้ยินว่าในฤดูน้ำหลากนี้ที่ทุ่งภูเขาทองมักจัดงานรื่นเริงใหญ่โตเป็นประจำ
ท่านปู่เคยเล่าว่าขนมจีนน้ำพริกของแม่หญิงอ่อนรสชาติดีนักหามีที่ใดเทียบไม่ หากพ่ออัศวินจะเมตตา
โปรดพาเราไปเยี่ยมเยียนภูเขาทองสักครั้งด้วยฝีพายของพ่อวิน”
ดวงตาที่เป็นประกายของคุณหลวงเมื่อเอ่ยถึงขนมจีนน้ำพริกทำเอาหัวใจของนายอัศวินกระตุกวูบ
คุณหลวงเป็นชายหนุ่มรูปงามที่ไม่มีใครในแถบคลองบางรักเทียบได้จริงๆ
“ว่าอย่างไรล่ะ พ่ออัศวิน”
“ตกลงขอรับคุณอัษ ค่ำนี้ ๑๙.๐๐ นาฬิกา ข้าจะมารับ”
“ขอบใจที่เมตตาเราพ่อวิน แล้วพบกัน”
“แล้วพบกันขอรับคุณหลวง เอ๊ย คุณอัษ ว่าแต่จะไม่รับถ่านไปสักกระผีกหนึ่งหรือขอรับ?"
#คฮคุณหลวงอัษฎา
“รอนานไหมพ่ออัศวิน พอดีเรากับหม่อมออกไปพบคุณหญิงเรไรที่ตำหนักเวศวรุตน์ สนทนากันเสียเพลิน เกือบกลับมามิทัน อภัยเราเถิดพ่อวิน”
“กระหม่อมมิบังอาจถือโทษคุณหลวงหรอก ลงเรือเถิดประเดี๋ยวจะไปไม่ทันขนมจีนน้ำพริกแม่หญิงอ่อนที่คุณอัษปรารถนา”
“เราขอบใจ”
คุณหลวงยิ้มแล้ววางมือลงบนฝ่ามือกร้านของพ่อคนขายถ่านที่รอรับอยู่ เรือสำปั้นลำเดิมพายออกจากบางรักไปตามลำคลอง มีทั้งคลองขุดด้วยฝีมือชาวบ้าน และคลองตามธรรมชาติที่ขุดให้เชื่อมถึงกัน เรือสำปั้น ๘ ศอก ล่องไปตามคลองบางรัก มุ่งไปยังคลองมหานาคออกไปถึงนางเลิ้ง ฤดูน้ำหลากนี้สามารถพายเรือเที่ยวได้สบายๆ คุณหลวงอัษฎาชมความงามของธรรมชาติ ป่าเขาลำเนาไพรริมคลอง อีกทั้งยังมีสัตว์นานาชนิดคอยให้สอดส่อง เก้ง กวาง มีมากเหลือ บ้างก็นอนหลับ บ้างก็อิงแอบแนบชิดกันตามประสาฤดูสัตว์ผสมพันธุ์
งานประจำปีเดือน ๑๑ ที่ภูเขาทอง ยิ่งใหญ่สมกับได้ยินเสียงเล่าเสียงลือ แสงไฟประดับดาประเต็มสองข้างทาง ผู้คนมากมายพากันออกมาเที่ยวเล่น เหล่าพ่อค้าแม่ค้าต่างพาเรือลำเล็กลำใหญ่มากันคับคั่ง มีทั้งเรือสำปั้นแบบของนายอัศวิน เรือแจว เรือกระแชง หรือแม้แต่เรือหางยาว คุณหลวงรีรอไม่ไหวที่จะลิ้มรสขนมจีนน้ำพริกของแม่หญิงอ่อน จึ่งเร่งเร้าให้อัศวินพายเรือตรงดิ่งไปหาขนมจีนอย่างเร็วไว
ขนมจีนน้ำพริกราคาแพงกว่าก๋วยเตี๋ยวถึง ๒ อัฐ แต่เพียงคำแรกคุณหลวงอัษฎาก็แทบสำลักในรสชาติที่ไร้ที่ติ คุณหลวงยื่นกะลาที่ใช้เป็นถ้วยใส่สำรับอาหารให้อัศวินลิ้มรส แม้นพ่อหนุ่มขายถ่านจะบ่นว่าแพงแสนแพง ขนมจีนถ้วยหนึ่งราคาถึง ๔ อัฐแต่พ่อก็ยังเอ่ยขอถ้วยที่สองจากแม่หญิงอ่อน สบายพุงกะทิน้อยๆของหนุ่มๆทั้งสองไป อัศวินประนมมือไหว้ขอบพระคุณคุณหลวงเสียยกใหญ่ที่มื้อนี้คุณหลวงใจป้ำเลี้ยงอาหารราคาแพงถึง ๒ สตางค์ เพราะโดยปกติแล้ว ๑ สตางค์เอาไปเปลี่ยนเป็นปลาทูได้ถึง ๔ เข่ง ปลาทู ๔ เข่งนี้อยู่กินกันในครอบครัวของอัศวินได้โดยมาก ๔ วัน เป็นบุญของอัศวินจริงๆที่มีคุณหลวงอัษฎาคอยเมตตาอยู่เป็นนิตย์
คุณหลวงอิ่มเอมเปรมปรีดิ์กับการท่องเที่ยวตลาดน้ำงานวัดภูเขาทองไม่ลืมที่จะแวะชิมขนมอีกสองสามชนิด อัศวินยอมควักเบี้ยที่เก็บหอมรอมริบออกมาซื้อขนมหันตรามอบให้คุณหลวงเป็นการตอบแทน คุณหลวงเบิกตากว้างมองอัศวินด้วยแววตาสงสัย อัศวินจะรู้หรือไม่ว่าการมอบขนมหันตรานี้ให้แก่ใครนั้นมีความหมายว่าอย่างไร…
ก่อนกลับตำหนัก คุณหลวงและอัศวินพากันขึ้นเรือไปสักการะและปิดทองพระบรมสารีริกธาตุบนองค์บรมบรรพตอันเป็นมงคลสูงสุด ผ้าแดงผืนใหญ่ห่มรอบภูเขาทองเป็นสัญลักษณ์ว่างานรื่นเริงประจำปีได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว สองหนุ่มเดินทอดน่องไปตามทาง เก็บเอาบรรยากาศและความสุขกลับไปเต็มหัวใจ เพียงได้เดินเคียงข้างกันไปเช่นนี้ก็ไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาต้องการอีกแล้ว
...
“ขอบใจจริงๆ หากไม่มีพ่อวินเราคงไม่มีโอกาสได้ออกมาเที่ยวเล่นยามราตรีเช่นนี้”
คุณหลวงเอ่ยเมื่ออัศวินพาเรือพายกลับมายังตำหนัก
“ยินดีขอรับทูนหัวของกระหม่อม”
“จริงสิ พ่อวินสนใจจะมาเป็นเลขาฯคนสนิทของเราหรือไม่ ผู้ช่วยคนเก่าของเรา อาทองสุขแกขอกลับไปเลี้ยงลูกเมียที่บ้านเกิด ตอนนี้เรากำลังหาผู้ช่วยคนใหม่”
“ข้าเกรงว่าจะช่วยท่านได้ไม่มากนักคุณหลวง ตัวข้ามิได้ร่ำเรียนวิชาใดๆมากพอ เพียงแบบเรียนเร็ว ๓ เล่ม ความรู้คงมิอาจเทียบเคียงคุณอาทองสุขได้”
“เรารู้ เราจึ่งอยากให้พ่อวินเข้าเรียนที่ตำหนักสวนกุหลาบเสียก่อน เราจะเป็นผู้ส่งเสียให้เอง ปีนี้พ่อวินอายุครบ ๒๑ ปีบริบูรณ์เราจำได้ เกณฑ์ทหารเรียบร้อย ทุกวันนี้ก็ประกอบอาชีพเพียงแค่ขายถ่าน พ่ออัศวินคงจะหามีเหตุอื่นใดไม่มาปฏิเสธเรา”
อัศวินรู้สึกเหมือนถูกคุณหลวงมัดมือชกก็คราวนี้ ก็จริงอย่างที่คุณหลวงว่าปีนี้อัศวินมีอายุครบ ๒๑ ปี ผ่านเกณฑ์ทหารมาครบตามกำหนด แท้จริงแล้วอัศวินสามารถออกทำงานเป็นเสมียนได้เพียงแต่อัศวินอยากจะดำรงคงอยู่อาชีพของตระกูลไว้ การขายถ่านที่เป็นอาชีพดั้งเดิมของชาวสยาม
“คุณอัษ ข้าอยากให้ท่านกลับไปตรองดูใหม่ว่าการจะให้ข้าเป็นถึงเลขาฯนั้นสมควรแล้วหรือ..”
“นั่นนายอัศวินกำลังต่อว่าเรา?”
“มิบังอาจขอรับคุณหลวง กระหม่อมเพียงแต่อยากให้ท่านลองตรึกตรองดูอีกสักหน”
“ก็ได้ ตามใจนาย อัศวิน…”
ทำไมตามใจของกระผมถึงได้ดูเหมือนต้องตามใจคุณหลวงมากกว่าล่ะขอรับ?
๑๐๐ %
*ขนมหันตราหรือขนมฝอย เป็นขนมโบราณ ที่ใช้ในงานหมั้น ซึ่งแสดงถึงการตีตราจองว่าหญิงนั้นมีคู่หมั้นแล้ว ทำจากถั่วเขียวเลาะเปลือกที่นำมากวนกับน้ำตาลทรายแล้วปั้นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ กดตรงกลางให้บุ๋มแล้วมาห่อด้วยไข่ที่ทำเป็นตาราง